วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ชาวนาบุรีรัมย์แตกตื่น “กิ้งก่ายักษ์” โผล่ป่าอ้อย วอนรัฐตรวจสอบหวั่นเป็นสัตว์สงวน

บุรีรัมย์ - ชาวนา อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์แตกตื่นพบ “กิ้งก่ายักษ์” คาดเป็น “อีกัวน่า” โผล่ออกมาจากป่าอ้อย เชื่อเติบโตโดยธรรมชาติเพราะชาวบ้านท้องถิ่นไม่มีใครเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ เรียกร้องหน่วยงานรัฐตรวจสอบด่วน หวั่นเป็นสัตว์สงวนมีความผิด หากไม่ใช่ขอเลี้ยงไว้ให้ลูกหลานได้ดู ขณะชาวบ้านพากันแห่มาดูแน่น



วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ชาวบ้านหนองม่วง หมู่ 12 ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ จับกิ้งก่ายักษ์ได้ 1 ตัวที่ป่าอ้อยบริเวณทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่ประชาชนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยพบเห็นกิ้งก่าตัวใหญ่ขนาดนี้ในบริเวณพื้นที่นี้มาก่อน
     
       ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 12 บ้านหนองม่วง ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายบุญนาค จรอนรัมย์ อายุ 30 ปี ผู้ที่จับกิ้งก่ายักษ์ได้ ภายในบริเวณบ้านพบชาวบ้านกำลังพากันแห่มาดูกิ้งก่ายักษ์ คาดเป็น “อีกัวน่า” เพศเมีย ถูกจับขังไว้ในกรง ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มีลำตัวคล้ายกิ้งก่าทั่วไป มีขนาดความยาวจากปลายจมูกถึงหางวัดได้ 1.10 เมตร วัดรอบลำตัวได้ 35 เซนติเมตร (ซม.) ชั่งน้ำหนักตัวหนักประมาณ 3 กิโลกรัม มีสีเทาสลับดำ บางครั้งเปลี่ยนเป็นสีขาวสลับเขียว มีแผงใต้คอ ลำตัวมีเกล็ดหนาทั้งตัว และมีหนามแหลมตั้งชันอยู่กลางลำตัวไล่เรียงตั้งแต่หัวจดหาง มี 4 ขา แต่ละขามี 5 เล็บ ผิวหนังเป็นเกล็ดคละสีคล้ายกับกิ้งก่าทั่วไป เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัว






นายบุญนาค จรอนรัมย์ อายุ 30 ปี ผู้จับกิ้งก่ายักษ์ได้ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนกำลังเดินกลับบ้านหลังจากไปทุ่งนาดูต้นข้าวที่กำลังออกรวง ระหว่างเดินผ่านป่าอ้อยท้ายหมู่บ้านได้เห็นสัตว์เลื้อยคลานวิ่งออกมาจากป่าอ้อย จึงถอดเสื้อออกและเอาเสื้อวิ่งไล่จับ ตอนแรกคิดว่าเป็นกิ้งก่าธรรมดา แต่เมื่อเข้าไปใกล้ๆ เป็นกิ้งก่ายักษ์เพราะตัวใหญ่มากๆ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะจับได้ พร้อมกับตะโกนบอกเพื่อนบ้านว่า “กิ้งก่ายักษ์” ช่วยกันจับที เมื่อไล่จับได้แล้วก็นำมาใส่กรงไว้ จากนั้นก็มีชาวบ้านแห่กันมาดูจำนวนมาก
     
       นายบุญนาคเล่าต่อว่า ในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยปรากฏเห็นมีสัตว์ชนิดนี้มาก่อน มีเพียงกิ้งก่าตัวเล็กธรรมดาทั่วไป แต่ไม่เคยมีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้และไม่เชื่อว่าจะมีคนมาปล่อยทิ้งไว้ น่าจะเติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติมากกว่า เพราะว่าไม่เคยปรากฏเห็นผู้คนในพื้นที่เลี้ยงสัตว์ประเภทนี้ ซึ่งกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้มันมีความสามารถพิเศษ คือปรับเปลี่ยนสีตัวกลมกลืนเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีมากและปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วภายใน 2-3 นาทีเท่านั้น แต่มีส่วนประกอบต่างๆ คล้ายกับกิ้งก่าทั่วไปแทบทุกอย่าง แต่ฟันไม่มี เดินเชื่องช้า และอาวุธประจำกายคือเล็บที่ช่วยในการป้องกันภัยให้ตัวเอง ส่วนอาหารน่าจะกินประเภทพืชผักและผลไม้ตามธรรมชาติ
     




 “ทราบว่ากิ้งก่ายักษ์ หรือที่เรียกกันว่าอีกัวน่า เป็นสัตว์สงวนหรือไม่ เพราะกลัวจะมีความผิดเป็นผู้ครอบครอง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่รัฐมาตรวจสอบดูว่าเป็นสัตว์สงวนหรือเปล่า หากเป็นสัตว์สงวนก็พร้อมมอบให้ทางราชการไป แต่หากไม่ใช่ตนก็พร้อมที่เลี้ยงไว้ เพื่อเอาไว้ให้ชาวบ้านและลูกหลานได้ดูกันต่อไป” นายบุญนาคกล่าว







  ขอบคุณลิงค์ข่าวจาก manager online... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000136867